เบต้าแคโรทีน คืออะไร?
(Beta Carotene) เบต้าแคโรทีน คือ สารที่ทำให้เกิดสีในผักและผลไม้ ได้แก่ สีส้ม สีเหลือง และสีแดง โดยจัดเป็นสารโปรวิตามินเอที่ดีต่อร่างกาย นอกจากนั้นยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มแคโรทีนอยด์ จึงไม่แปลกที่เบต้าแคโรทีนจะเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์และสรรพคุณมากมาย ในการบำรุงร่างกายให้แข็งแรง และในปัจจุบันก็มีการนำสารเบต้าแคโรทีนมาใช้งานทั้งในทางการแพทย์ ดูแลสุขภาพ รวมไปถึงเรื่องของความงาม
ประโยชน์ของเบต้าแคโรทีน (Beta Carotene) มีอะไรบ้าง
1.มีส่วนช่วยเพิ่มความจำ กระตุ้นการทำงานของสมอง
ประโยชน์อย่างแรกของเบต้าแคโรทีน คือ การช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง รักษาการทำงานของสมองให้สมดุล เนื่องจากผลการศึกษาผักและผลไม้ที่มีวิตามิน แร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระ หรือบีต้าแคโรทีน พบว่าผักและผลไม้ที่มี Beta Carotene นั้นมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในด้านความทรงจำ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสมอง เช่น โรคสมองเสื่อม โรคอัลไซเมอร์ ซึ่งได้มีการทดลองกับมนุษย์ ให้ทานอาหารเสริมที่มีสารเบต้าแคโรทีนติดต่อกัน 18 ปี พบว่าผู้เข้าร่วมการทดลองมีประสิทธิภาพด้านความจำเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มคนที่ไม่ได้ทาน
2.ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV
เบต้าแคโรทีนประโยชน์อย่างต่อมาที่น่าสนใจ ก็คือการมีประโยชน์ต่อผิวพรรณ หลายท่านทราบดีว่ารังสียูวีในแสงแดด ส่งผลเสียต่อผิวพรรณของเรามากแค่ไหน แถมยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังอีกด้วย แต่เบต้าแคโรทีนคือสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่ง เมื่อเรารับเบต้าแคโรทีนเข้าสู่ร่างกาย สารต้านอนุมูลอิสระจะเข้าไปจับกับสารต้านอนุมูลอิสระด้วยกัน ทำให้เกิดภาวะสมดุลขึ้น จึงมีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสียูวีไม่ให้เข้ามาทำร้ายผิว ช่วยลดผลกระทบจากรังสียูวี เช่น ปัญหาฝ้ากระ ริ้วรอย ผิวหมองคล้ำ ผิวไม่กระจ่างใส ฯลฯ
📌คลิกอ่านเพิ่มเติม: 12 วิธีทำให้ผิวขาว กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ บอกลาจุดด่างดำและผิวหมองคล้ำ
3.ลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม
ผักและผลไม้ที่มีวิตามินเอ รวมถึงเบต้าแคโรทีน (Beta Carotene) ได้รับการวิจัยมาแล้วว่าช่วยต้านการเกิดโรคมะเร็งเต้านมได้ โดยเฉพาะผู้หญิงวัยก่อนหมดประจำเดือนและไม่ใช่แค่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านมได้อย่างเดียว แต่เบต้าแคโรทีน คือสารที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งชนิดอื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น มะเร็งปอด มะเร็งตับ เป็นต้น
4.ลดความเสี่ยงต่อโรคจอประสาทตาเสื่อม
โรคจอประสาทตาเสื่อม โรคนี้พบได้บ่อยสำหรับผู้สูงอายุ เกิดจากการเสื่อมของดวงตาเมื่ออายุเพิ่มสูงขึ้น หากมีภาวะรุนแรง เสี่ยงที่จะทำให้สูญเสียการมองเห็นได้เลยทีเดียว เบต้าแคโรทีน รวมถึงสารอาหารอื่นๆ ในกลุ่มแคโรทีนอยด์ สารอาหารเหล่านี้ขึ้นชื่อเรื่องของการบำรุงสายตาและปกป้องดวงตา ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของดวงตาได้ แถมยังช่วยลดระดับความรุนแรงในผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมได้อีกด้วย
📌คลิกอ่านเพิ่มเติม: 7 อาหารบำรุงสายตา ที่มีประโยชน์ต่อดวงตา ช่วยลดอาการเมื่อยล้า และลดโอกาสเกิดต้อกระจก
เบต้าแคโรทีน คือสารที่พบได้ในอาหารประเภทไหนบ้าง
เบต้าแคโรทีน คือสารอาหารที่สามารถพบได้ในอาหารหลากหลายประเภท แต่ที่พบได้มากที่จะเป็นผักและผลไม้ที่มีสีเหลืองหรือสีส้ม เช่น แครอท ตำลึง มะเขือเทศ มันหวาน พริกหวาน บร็อคโคลี ผักเคล พริกหวานสีแดงและพริกหวานสีเหลือง ฯลฯ นอกจากสารเบต้าแคโรทีน (Beta Carotene) จะพบได้ในผักและผลไม้แล้ว ในสมุนไพรและเครื่องเทศก็สามารถพบเบต้าแคโรทีนได้เหมือนกัน เช่น เสจ ผักชี ผักชีฝรั่ง พาร์สลี พริกคาเยน พริกปาปรีก้า ฯลฯ
ซึ่งในส่วนของเคล็ดลับการปรุงอาหารที่มีเบต้าแคโรทีน การปรุงหรือการทานอาหารในกลุ่มนี้ แนะนำให้ทานร่วมกันกับอาหารที่มีไขมันดี เช่น น้ำมันมะกอก ถั่วเปลือกแข็ง อโวคาโด้ เป็นต้น เนื่องจากแคโรทีนคือสารในกลุ่มวิตามินเอที่ละลายในไขมันได้ดี ส่งผลให้ร่างกายเกิดการดูดซึมได้มากขึ้นนั่นเอง
ปริมาณ Beta Carotene ที่ควรได้รับในแต่ละวัน
ปัจจุบันไม่มีการกำหนดแน่ชัดว่าควรทานเบต้าแคโรทีน (Beta Carotene) ปริมาณเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม แต่เนื่องจากเบต้าแคโรทีน คือสารที่อยู่ในกลุ่มวิตามินเอ จึงสามารถอ้างอิงจากปริมาณวิตามินเอได้ที่ควรได้รับต่อวันได้ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
- เด็กอายุ 1-3 ปี ควรได้รับวิตามินเอ 300 ไมโครกรัมของเรตินอลต่อวัน
- เด็กอายุ 4-8 ปี ควรได้รับวิตามินเอ 350 ไมโครกรัมของเรตินอลต่อวัน
- เด็กอายุ 4-8 ปี ควรได้รับวิตามินเอ 350 ไมโครกรัมของเรตินอลต่อวัน
- เด็กอายุ 9-12 ปี ควรได้รับวิตามินเอ 550 ไมโครกรัมของเรตินอลต่อวัน
- เด็กอายุ 13-15 ปี ควรได้รับวิตามินเอ 700-750 ไมโครกรัมของเรตินอลต่อวัน
- เด็กอายุ 16-18 ปี ควรได้รับวิตามินเอ 600-750 ไมโครกรัมของเรตินอลต่อวัน
- เด็กอายุ 19 ปีขึ้นไป ควรได้รับวิตามินเอ 600-700 ไมโครกรัมของเรตินอลต่อวัน
ถึงแม้ว่าเบต้าแคโรทีน คือสารที่มีประโยชน์และไม่มีอันตราย แต่ก็ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม เพราะอะไรที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป ย่อมไม่ดีต่อสุขภาพทั้งนั้น
ZNERGY (ซีเนอร์จี้) อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของเบต้าแคโรทีน ช่วยบำรุงสายตาและสมอง เสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย
แม้ว่าเบต้าแคโรทีนจะมีคุณประโยชน์มากมาย แต่ส่วนใหญ่แล้วเบต้าแคโรทีน คือสารที่อยู่ในผักและผลไม้เป็นหลัก ซึ่งสำหรับคนที่ไม่ชอบทานผักและผลไม้ คงเป็นปัญหาไม่น้อยเลยในการทานเพื่อให้ได้รับแคโรทีน ปัจจุบันจึงได้มีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของเบต้าแคโรทีนออกมามากมาย เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและแก้ปัญหาให้กับผู้บริโภค ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำ ZNERGY ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของ Beta Carotene สังกะสี แมกนีเซียมและอื่นๆ อีกมากมาย ในรูปแบบเจลลี่จาก Sashii Brand ที่ใช้นวัตกรรมการผลิตแบบไมโครเจลจากประเทศเกาหลี เจ้าแรกและเจ้าเดียวในไทย
โดย ZNERGY เป็นอาหารเสริมเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยบำรุงสายตาและบำรุงสมองช่วยลดความเหนื่อยล้า เพิ่มความสดชื่น ปลุกพลัง เป็นอาหารเสริมที่มาในรูปแบบไมโครเจล ดูดซึมได้ถึง 98% และดูดซึมได้เร็วถึง 5 เท่า ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย ทานง่าย ฉีกซองแล้วทานได้เลยทันที หากคุณมีอาการขาดวิตามิน แร่ธาตุ หรือเบต้าแคโรทีน มีปัญหาเหนื่อยล้าง่าย เซลล์เสื่อมสภาพ ประสาทตาเสื่อม ไม่สดชื่น ไม่กระปรี้กระเปร่า ZNERGY ถือได้ว่าตอบโจทย์มากๆ
จะเห็นได้ว่า เบต้าแคโรทีน คือ สารอาหารที่มีความสำคัญ และมีประโยชน์มากๆ ต่อสุขภาพร่างกายของคนเรา ทั้งในเรื่องของการบำรุงร่างกาย บำรุงสายตาและระบบประสาท รวมไปถึงยังมีส่วนช่วยในการบำรุงผิวพรรณอีกด้วย ซึ่ง Beta Carotene นั้นมีอยู่ในผักและผลไม้สีเหลือง สีแดง และสีส้ม จึงสามารถหาทานได้ง่ายมากๆ แต่ต้องทานในปริมาณที่เหมาะสมด้วยนะ และสำหรับใครที่ไม่ชอบทานผักหรือผลไม้ก็ไม่ต้องห่วง เพราะสามารถได้รับสารเบต้าแคทีน จากการทานอาหารเสริมที่มีเบต้าแคโรทีนอย่าง SASHII ZNERGY ก็ได้เช่นกัน – อยากรู้ว่า ZNERGY ดียังไง? 👉 คลิกที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก:
Pingback: แมกนีเซียม จำเป็นแค่ไหนกับร่างกาย? มี 5 ประโยชน์ของ Magnesium มาฝาก!