วิ่งแล้วเจ็บเข่า อันตรายไหม ? เกิดจากสาเหตุอะไร มีวิธีแก้และบรรเทาอาการอย่างไร ให้วิ่งแล้วไม่ปวดเข่า

วิ่งแล้วเจ็บเข่า เป็นอันตรายไหม ส่งผลเสียอย่างไรบ้างกับนักวิ่ง

วิ่งแล้วเจ็บเข่า

การวิ่งแล้วเจ็บเข่า หรือวิ่งแล้วปวดเข่า เป็นอาการที่เรามักพบได้บ่อยกับนักกีฬาวิ่ง เช่น วิ่งมาราธอน วิ่งเทรล วิ่งไตรกีฬา ฯลฯ อาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับนักวิ่งทุกเพศทุกวัย ทั้งวัยรุ่นและผู้ใหญ่ เพราะเข่าเป็นอวัยวะสำคัญในรองรับน้ำหนักของร่างกายในขณะวิ่ง หากวิ่งโดยไม่ถูกวิธี และไม่มีความยืดหยุ่นในการวิ่ง โอกาสที่จะเกิดการบาดเจ็บที่บริเวณเข่าหรือเกิดอาการปวดเข่าขึ้นได้ ดังนั้นเราจึงควรรู้สาเหตุ รู้วิธีการแก้ไข พร้อมกับศึกษาเทคนิคการวิ่งที่ถูกวิธี เพื่อให้วิ่งแล้วไม่มีอาการเจ็บเข่าเกิดขึ้นกับเราในทุกๆ ครั้งที่วิ่ง

สาเหตุของการวิ่งแล้วปวดเข่า มีอะไรบ้าง

วิ่งแล้วปวดเข่า เกิดจากสาเหตุอะไร ?

อาการวิ่งแล้วปวดเข่าเกิดจากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุที่พบได้บ่อย คือ การก้าวเท้ายาวเกินไปในขณะวิ่ง ต่อมาคือการวิ่งโดยใช้ส้นเท้าลงพื้น ซึ่งการวิ่งทั้งสองลักษณะนี้จะทำให้มีแรงกระแทกที่บริเวณเข่ามากกว่าปกติ เมื่อมีการกระแทกซ้ำไปซ้ำมาที่บริเวณเข่า กระดูกอ่อนที่เข่าจะเกิดการอักเสบ ทำให้รู้สึกเจ็บ ปวด หรือเสียวที่บริเวณเข่า

นอกจากนี้สาเหตุของการวิ่งแล้วปวดเข่ายังเกิดจากสาเหตุต่างๆ เช่น วิ่งมากเกินไป วิ่งเป็นระยะเวลานาน ฝืนวิ่ง หรืออาจเกิดจากภาวะน้ำหนักเกิน รวมไปถึงการที่ผู้วิ่งยังมีกล้ามเนื้อที่ยังไม่แข็งแรงและไม่มีความยืดหยุ่นที่ดี

📌 คลิกอ่านเพิ่มเติม : วิ่งแล้วจุก เกิดจากอะไร ? มีวิธีแก้และป้องกันอย่างไรบ้าง

วิ่งแล้วปวดเข่า แก้ยังไง ?

อาการวิ่งแล้วเจ็บเข่ารักษาได้ด้วยการหยุดพักเมื่อบาดเจ็บ เมื่อหยุดพักแล้วให้ทำการประคบด้วยน้ำแข็งบริเวณเข่าที่บาดเจ็บประมาณ 2-3 วัน หลังจากที่ประคบด้วยน้ำแข็งเสร็จ ให้พันผ้าบริเวณที่เข่าที่มีบาดเจ็บ และพยายามเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด จากนั้นทำการ Elevation ด้วยการยกหัวเข่าขึ้นลงช้าๆ เพื่อให้เลือดไหลเวียน เมื่อกลับมาวิ่งแล้วไม่รู้สึกเจ็บเข่า แสดงว่าหายเป็นปกติ แต่ในกรณีที่ยังมีอาการเจ็บหรือยังกลับมาเจ็บซ้ำๆเรื่อยๆ ควรเข้าพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยและหาวิธีรักษาต่อไป

วิธีวิ่งไม่ให้เจ็บเข่า ควรทำอย่างไร มีเทคนิคอะไรบ้าง

เทคนิคและวิธีวิ่งไม่ให้เจ็บเข่า มีอะไรบ้าง

การวิ่งที่ถูกวิธีจะทำให้วิ่งได้อย่างสบาย วิ่งแล้วไม่รู้สึกเจ็บเข่า ไม่เกิดอาการบาดเจ็บ ซึ่งเทคนิคและวิธี มีดังนี้

  • Warm up ก่อนวิ่ง และ Cool Down หลังวิ่ง เริ่มจากการวิ่งเหยาะๆ หรือเดินเร็วก่อนออกวิ่ง และยืดเหยียดกล้ามเนื้อหลังวิ่งเสร็จ เพื่อให้กล้ามเนื้อปรับตัวให้พร้อมต่อการวิ่ง
  • ใส่รองเท้าวิ่งที่ดี โดยให้เลือกรองเท้าวิ่งที่เหมาะกับขนาดเท้าและรูปเท้า และควรเลือกรองเท้าที่มีพื้นรับแรงกระแทก เพราะรองเท้าแบบนี้จะช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บได้
  • ควบคุมน้ำหนักตัว คนที่มีน้ำหนักตัวมาก ส่วนใหญ่จะเกิดการเจ็บเข่าตอนวิ่ง เพราะน้ำหนักตัวที่มากจะทำให้มีแรงกระแทกที่บริเวณเข่า ดังนั้นถ้าไม่อยากเจ็บเขาตอนวิ่งก็ควรควบคุมน้ำหนักให้ดี
  • เสริมสร้างกล้ามเนื้อต้นขาและสะโพกให้แข็งแรง สามารถทำได้ด้วยท่าการฝึกต่างๆ เช่น สควอช, Leg Extension, Hip Abduction
  • ปรับท่าวิ่ง เริ่มจากการวิ่งโดยไม่ก้าวเท้ายาวเกินไป จากนั้นวิ่งโดยไม่ยกขาสูงจนเกินไป พร้อมกับโน้มตัวไปข้างหน้า 15 องศา เพื่อลดแรงกระแทก และอย่าวิ่งโดยลงส้นเท้า ให้วิ่งโดยลงน้ำหนักที่ปลายเท้าหรือกลางเท้า เพื่อลดอาการบาดเจ็บ
  • อย่าหักโหมวิ่ง เพราะการวิ่งที่หักโหมมากเกินไป วิ่งนานเกินไป หรือวิ่งโดยเพิ่มความเร็วกะทันหันทันที จะทำให้มีอาการเจ็บเข่า ดังนั้นควรวิ่งให้พอดีเหมาะสมกับตัวเอง

สำหรับอาการวิ่งแล้วเจ็บเข่าหรือปวดเข่า นั้นเป็นอาการที่นักวิ่งไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะไม่ส่งผลดีต่อการวิ่งแล้ว ก็ยังอาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บเรื้อรังได้ ทำให้ไม่สามารถวิ่งได้เหมือนปกติ ดังนั้นเราจึงควรวิ่งอย่างถูกวิธี วิ่งในท่าที่เหมาะสม ถ้าจะให้ดีควรมีการศึกษาเทคนิคการวิ่ง โดยลงน้ำหนักที่ปลายเท้าและกลางเท้า ควรอบอุ่นร่างกายและยืดหยุ่นกล้ามเนื้อทุกครั้งก่อนและหลังวิ่ง รวมไปถึงไม่ควรหักโหมวิ่งหนักเกินไป เพื่อช่วยลดอาการบาดเจ็บและป้องกันการเจ็บเข่าในระหว่างการวิ่ง

นอกจากการวิ่งอย่างถูกต้องเพื่อป้องกันการเจ็บเข่าแล้ว การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนวิ่ง อย่างการเติมพลังงานให้กับร่างกายก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ด้วยการทานอาหารเสริมเพิ่มพลังงาน ZNERGY จาก Sashiibrand ซึ่งเป็นอาหารเสริมสำหรับนักกีฬาและนักวิ่ง ที่จะช่วยเพิ่มพลังงาน เติมความสดชื่น ให้ร่างกายรู้สึกกระปรี่กระเปร่า ลดอาการอ่อนล้าของกล้ามเนื้อ ทำให้สามารถวิ่งหรือออกกำลังกายได้นานขึ้น ไม่เหนื่อยง่าย

ดูข้อมูลเพิ่มเติมอาหารเสริมเพิ่มพลังงาน SASHII ZNERGY 👉 คลิกที่นี่

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ZNERGY

แหล่งข้อมูล :
https://www.samitivejhospitals.com/
https://www.phyathai.com/
https://kdmshospital.com/article/runner-injury/